วันจันทร์, ธันวาคม ๒๔, ๒๕๕๐

จับเข่าคุย พระพยอม พระมหาสมปอง ตอน 2 (22/12/2550)... [video]

จับเข่าคุย พระพยอม พระมหาสมปอง (22/12/2550)

ต่อจากตอนก่อนเมื่อวันที่ 15 ครับ

จับเข่าคุย - พระพยอม พระมหาสมปอง (15/12/2550)

มาคุยกันต่อด้วยเนื้อหา และประสบการณ์ที่น่าสนใจครับ...

วันอาทิตย์, ธันวาคม ๑๖, ๒๕๕๐

จับเข่าคุย - พระพยอม พระมหาสมปอง (15/12/2550)

รายการจับเข่าคุย สัมภาษณ์พระพยอม กัลยาโน และพระมหาสมปอง ตาลปุตโต

พระนักเทศน์ที่ดังที่สุดในสองยุคสองสมัย

ขอเชิญรับชมรับฟังครับ

แท็กของ Technorati: {กลุ่มแท็ก},,,,,,,

วันศุกร์, พฤศจิกายน ๓๐, ๒๕๕๐

รัชฏะ สมรทินกร ผู้ให้เสียงพากย์ พระพุทธเจ้า... [video]

รายการโต๊ะข่าวบันเทิง 30/11/2550
สัมภาษณ์ รัชฏะ สมรทินกร ผู้พากย์เสียงพระพุทธเจ้า
ในภาพยนตร์อนิเมชัน พระพุทธเจ้า (The Life of Buddha)

.

ในที่สุด ก็ได้รู้เสียทีว่าใครเป็นผู้พากย์
เรียกว่าได้มาแบบโค้งสุดท้ายก่อนหนังจะฉายเลยนะครับนี่

นี่แหละครับ มารไม่มีบารมีไม่เกิด...

วันเสาร์, พฤศจิกายน ๐๓, ๒๕๕๐

มัวจ้องแต่เขา ตัวเราไม่เห็น...

ผมค้นพบว่า...

ถ้าหากเรามัวแต่จับผิด เพ่งโทษผู้อื่นอยู่เสมอได้
แสดงว่า อย่างน้อย เราเป็นผู้รู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี...

แต่นั่น ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งความ "รู้จริง" ด้วย
เพราะถ้ารู้แบบโง่ๆ สุดท้าย ก็คือการจับผิด ที่ผิดซ้ำซ้อน

และวงจรความโง่ ก็จะไม่รู้จบสิ้น
เพราะเราไม่ขจัดต้นตอความโง่ของตัวเองก่อน

.

จากนั้น หากมัวแต่เพ่งโทษผู้อื่นไปเรื่อยๆ

เคยย้อนมีสติกลับมาถามตัวเองหรือไม่ว่า
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เราจับผิดผู้อื่นอยู่เนืองๆนั้น

เราได้กระทำเสียเองบ้างหรือเปล่า...

เพราะจากการสังเกตุเห็นในหลายครั้ง
ผู้ที่จับผิด ก็มักจะกระทำผิดเสียเองเสมอ

โดยเบื้องต้นแห่งการทำนั้น มักเกิดจาก
1. ยอมผ่อนปรนบรรทัดฐานของตัวเอง
ทำนองว่าเขาทำไม่ได้เด็ดขาด แต่ถ้าเราทำก็ลดหย่อนได้บ้าง

2. เห็นแต่โทษของผู้อื่น แต่ของตนกลับตาบอด มองไม่เห็น
อันนี้เรียกว่าเป็นขั้นกว่า เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำผิดไปเสียแล้ว

.

เอาเป็นว่า ลองมามีสติพิจารณากันดูอย่างสม่ำเสมอกันดีกว่าว่า

สิ่งใดที่เรามักจะว่าผู้อื่น สิ่งนั้นแล เรามักจะกระทำเสียเอง

จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามเถอะ
แต่ตอนนี้ถ้าเรารู้แล้ว เห็นแล้ว และยอมรับว่ามันไม่ดีจริงๆ
เหมือนที่เราเคยเพ่งโทษผู้อื่น ไม่ผิดเพี้ยน

ก็เป็นนิมิตหมายอันดีที่จะแก้ไข และเลิกกระทำความไม่ดีอันนั้น

ตนเตือนตนนั่นแหละดี

อย่าปล่อยจนกระทั่งคนอื่นมาเตือน
โดยเฉพาะในเรื่องที่เราก็เคยพร่ำเตือนคนอื่น

นั่นคือความน่าอายอย่างที่สุดของผู้ที่ "ติดดี" อย่างเราๆท่านๆ นั่นเอง...

Technorati Tags: , , , , ,

วันพุธ, ตุลาคม ๑๐, ๒๕๕๐

หลวงพ่อปัญญามรณภาพแล้ว...

วันนี้(10 ต.ค.)มีรายงานว่า เมื่อเวลา 09.09น. พระพรหมมังคลาจารย์ หรือ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฎ์ จ.นนทบุรี ได้มรณภาพแล้ว
       ทั้งนี้ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ได้อาพาธมีอาการเจ็บหน้าอก และเข้ารักษาตัวที่ตึกอัษฎางค์ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว จนกระทั่งมรณภาพเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สิริรวมอายุได้ 96ปี

ด่วน!! หลวงพ่อปัญญามรณภาพ

ด่วน!!!หลวงพ่อปัญญานันทะ มรณะภาพแล้ว ด้วยวัย 96ปี

_/|\_

Technorati Tags: , , , ,

วันจันทร์, ตุลาคม ๐๘, ๒๕๕๐

ยิ่งอ่านยิ่งมั่นใจ...

โถ... เป็นถึงดอกเตอร์ทุนหลวง

แทนจะเอาเวลามาทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมืองเต็มที่
ดันมัวแต่มาสอนวิชาธรรมกาย...

ผมไปอ่านในเว็บที่เขาเขียน ดู video ที่เขาบรรยาย

มีแต่เรื่องหลง มีแต่เรื่องเพ้อ
จินตนาการเอา นึกๆ คิดๆ เอาทั้งนั้น

บอกว่าสอนคนให้เห็นดวง เห็นธรรมกายธรรม
จะได้บุญบารมี อานิสงค์มากมาย

แต่อย่าลืมนะครับ

สอนให้คนหลงทางออกจากธรรมอันแท้
ออกจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันแท้

โดยอ้างว่า นี่แหละของแท้ นี่แหละของจริง

บาปกรรมนักหนา...

พระท่านว่าแค่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า แล้วหายใจเข้าปื้ดเดียว ก็ได้บุญแล้ว

ไม่อยากนึกว่า มิจฉาทิฐิ อันพ่นออกมาหลายปื้ด
จะส่งผลต่อเนื่องยาวนานกันไปขนาดไหน

จะได้เห็นมดแดงรุมกัดหนอนกันอีกกี่ร้อยกี่พันตัวกันหนอ...

Technorati Tags: , , , ,

วันเสาร์, สิงหาคม ๒๕, ๒๕๕๐

ท่าน ว.วชิรเมธี พูดเรื่องกฎแห่งกรรม ในรายการตาสว่าง... [video]


รายการตาสว่างของคุณดู๋ สัญญา
สัมภาษณ์ท่าน ว.วชิรเมธี เรื่องเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม
วันที่ 23/8/2550

ถึงจะเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ก็ยังมีคนไม่เข้าใจเยอะ
ดังนั้นถ้าเป็นชาวพุทธ ควรเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมให้ดีครับ

ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นพวก "มั่ว" คิดเองเออเองเอาได้...

ท่านพูดได้น่าฟังครับ


Technorati Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม ๑๖, ๒๕๕๐

กินเจ มังสวิรัติ ไปนิพพาน?...



วันก่อน นั่งรถไปเจอรถบรรทุก
กำลังขนหมูไปไหนซักแห่ง ที่คาดว่าน่าจะเป็นโรงฆ่าสัตว์

เกิดความสงสาร อยากจะช่วยเหลือ
แต่มานึกๆดูแล้ว ด้วยกำลังของเรานี้น้อยนิดนัก
เราจะช่วยสัตว์ทั้งหลายได้แค่ไหน?

จำนวนคงเทียบเท่าทรายเม็ดเดียวในมหาจักรวาลอันกว้างใหญ่โน่นทีเดียว

เคยเจอคนที่เชื่อว่า ไม่กินเนื้อสัตว์แล้วจะได้บุญ
ในเรื่องนี้หลวงพ่อเทียน ท่านเคยตอบไว้สั้นๆได้ใจความว่า

"ถ้ากินแต่ผักแต่หญ้า แล้วบรรลุนิพพาน
วัวควายก็เป็นอรหันต์กันหมดแล้ว"

อย่าไปคิดว่า อย่างน้อยเราไม่กินคนนึงก็ดีกว่า
หรือถ้าหลายๆคนช่วยกันไม่กิน แล้วโลกเราจะดีขึ้น

เปล่าเลยครับ... ไม่มีประโยชน์...

ทุกอย่างมีทางของมัน กรรมล้วนกำหนด
เราไม่กิน ก็มีคนอื่นกิน จำนวนไม่ลดไปกว่านี้แน่นอน
เราไม่ฆ่า ก็มีคนอื่นฆ่า สัตว์ก็จะต้องตายมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน...

เพราะมีคนที่เกิดมาเพื่อ "ต้องฆ่า" และสัตว์ที่เกิดมาเพื่อ "ต้องตาย" เสมอ...

.

ในเรื่องเนื้อสัตว์นั้น พระพทธเจ้าเองก็ทรงฉันเนื้อสัตว์เป็นปกติ
เพียงแต่จะห้ามเนื้อสัตว์อยู่ 10 ชนิดเท่านั้น คือ
1. เนื้อมนุษย์
2. เนื้อช้าง
3. เนื้อม้า
4. เนื้อสุนัข
5. เนื้องู
6. เนื้อราชสีห์
7. เนื้อเสือโคร่ง
8. เนื้อเสือเหลือง
9. เนื้อหมี
10. เนื้อเสือดาว

โดยมีที่มาบันทึกไว้ในพระไตรปิฏก ที่นี่
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๕ - พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๕

ดังนั้น ถ้าผมจะไม่กินเนื้อสัตว์ชนิดใด
ก็คงจะเป็น 10 ชนิดนี้ดังที่พระพุทธเจ้าท่านทรงห้ามไว้เท่านั้น

โดยมิได้มุ่งหมายว่า จะกินหรือไม่กินเพื่อให้เกิดบุญใดๆ
เพราะมันไม่ได้เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด

เพียงแต่เราไม่ได้ฆ่าสัตว์ด้วยเจตนาของเราเอง ก็นับว่าดีแล้วครับ...


Technorati Tags: , , , , , , , ,

วันอาทิตย์, สิงหาคม ๑๒, ๒๕๕๐

เพราะมีสิ่งนั้น สิ่งนั้นจึงมี...

อิทัปปัจยาตา...

เพราะมีสิ่งนั้น สิ่งนั้นจึงมี...

กฎนี้เป็นกฎที่น่าสนใจมาก...
ยกตัวอย่างเช่นคำถามที่ว่า เรามาจากไหน...
ตอบได้ว่า...

เพราะมีอุปาทาน จึงมีชาติภพ...
เพราะมีชาติภพ จึงมีวิญญาณ...
เพราะมีวิญญาณ จึงมีสัตว์มีร่างกาย...
เพราะมีสัตว์มีร่างกาย จึงมีโลกมาให้สัตว์อยู่...
เพราะมีโลก จึงมีจักรวาลมาให้โลกอยู่...
เพระมีจักรวาลนี้อยู่ จึงมีมหาจักรวาลที่บรรจะจักรวาลย่อยๆ นี้อยู่...

ลองคิดตามไปทีละขั้นช้าๆ นะครับ...
มันสวนกับแนวคิดของเราทุกวันนี้ใช่ไหมครับ...

Technorati Tags: , , , , ,

วันพุธ, สิงหาคม ๐๘, ๒๕๕๐

มีคนชั่วอยู่ จริงหรือ?...

2007/04/10 มีคนชั่วอยู่ จริงหรือ?...

ผมได้อ่านเจอบทความหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว

บทความนั้นสะกิดมุมมอง และแนวคิดของผมให้เติบโตขึ้นอีกระดับ

.

ผมเลยจะมาสรุปใจความสำคัญเน้นๆ ให้คุณเลย...

กับข้อถามที่ว่า ถ้ากล่าวถึง ชูชก
ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในมหาเวสสันดรชาดก

แว่บแรก คุณต้องนึกว่าชูขกเป็นคนไม่ดีใช่ไหมครับ

ไหนจะมาขอลูกเมียท้าวเวสสันดรไปเป็นทาส
แถมยังเฆี่ยนตีทำร้ายสารพัด

รูปก็ชั่ว นิสัยก็ไม่ดี...

.

แต่ลองมองอีกมุมสิครับ...

ถ้าไม่มีชูชก... บุรุษโทษผู้อัปลักษณ์

บุรุษโทษมี18ประการ (เปรียบกับลักษณะของชูชก)
1. เท้าทั้ง2ข้างใหญ่เเละคด
2. เล็บทั้งหมดกุด
3. ปลีน่องทู่ยู่ยาน
4. ริมฝีปากบนย้อยทับริมฝีปากล่าง
5.นำลายไหลออกเป็นยางยืดทั้งสองข้างเเก้ม
6. เขี้ยวงอกออกพ้นปากเหมือนเขี้ยวหมู
7. จมูกหักฟุบดูน่าชัง
8. ท้องป่องเป็นกระเปาะดั่งหม้อใหญ่
9. สันหลังไหล่หักค่อมคดโกง
10. ตาถล่มลึก ทรลักษณ์(น่าเกลียด)ข้างหนึ่งใหญ่,ข้างนึงเล็กไม่เสมอกัน
11. หนวดเครามีพรรณ(สี) ดังลวดทองเเดง(เเข็ง)
12. ผมโหลง(น้อย)เหลืองดังสีลาน(ขาวนวล)
13. ตามตัสะครานคลำ ด้วยเเถวเอ็นนูนเกะกะ(ข้อพับล่าง)
14. มีต่อมเเมลงวันตกกระ ดังโรยงา
15. ลูกตาเหลือง,เหล่,เหลือก
16. ร่างกายคด ค้อม ในที่ทั้ง 3 (คอ, หลัง, สะเอว)
17. เท้าทั้ง 2 หันเห ห่างเกะกะ
18. ขนตามตัวหยาบดั่งแปลงหมู

บุรุษโทษมีลักษณะอย่างไร

.

ใครจะมารับกรรมอันหนักหนา
ใครจะมาเป็นผู้ทำให้พระมหาเวสสันดร ได้สร้างมหาทานบารมี

จนมหาทานบารมีของท่านเต็ม และครบทั้ง 10 ทัศน์

และได้เสวยพระชาติเป็นสมณโคดมพุทธเจ้า
อันเป็นชาติอันยิ่ง เป็นชาติสุดท้าย อันจะไม่กลับมาเกิดอีก...

จึงกล่าวได้ว่า ชูชก เป็นปัจจัยสำคัญ
ในการสร้างมหาทานบารมีของพระพุทธเจ้า

ควรแล้วหรือที่เราจะกล่าวร้าย และสาปแช่งชูชก

ถ้ามองในมุมนี้

ชูชก เป็นมหาวายร้าย หรือเป็นผู้มีคุณ(ต่อเรา)กันแน่..

แล้วคนที่อยู่รอบตัวเราล่ะ
เขาเป็นมหาวายร้ายโดยส่วนเดียวหรือเปล่า...

.......

สำหรับผู้ต้องการศึกษาเพิ่มเติม

" ชู ช ก เฆี่ยนตี กั ณ ห า ช า ลี " !!!!! -> กระดาน ปริยัติธรรม | ลานธรรมเสวนา larndham.netอันจะกล่าวโดยละเอียดถึงชูชก
โดยท้าวความตั้งแต่เหตุใด ชูชกจึงมาสร้างกรรมเฆี่ยนตีกัณหาชาลี...

Technorati Tags: , , , , ,

วันเสาร์, สิงหาคม ๐๔, ๒๕๕๐

เลิกอ่านห้องศาสนาของพันทิปเถิด...

ตัวผมเองเลิกอ่านกระทู้ในห้องศาสนาของ pantip.com มานานแล้ว

ด้วยเล็งเห็นว่า ที่แห่งนั้นเป็นที่แห่งชนหมู่มาก
และไม่มีความสามารถในการคัดกรองเนื้อหาที่ดีพอ

ขอยกตัวอย่างกระทู้นี้ให้เห็นกันชัดๆ...
ลองอ่านคร่าวๆ อย่าเพิ่งตั้งใจอ่าน
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5630303/Y5630303.html

อ่านเผินๆเหมือนจะดูดีมีเหตุผลน่าเชื่อถือ

แต่ถ้าคุณศึกษาหลักแห่งศาสนาพุทธมาพอสมควรแล้ว
และมีความยึดมั่นไม่คลอนแคลนในคำสอน
คุณจะรู้ว่า คำกล่าวอ้างในเรื่องบุญในกระทู้นั้น

ไม่ใช่พุทธเถรวาท แต่อย่างใด....

ในความเห็นผม... เหมือนจะเป็นพุทธมหายาน ผสมพราหมณ์มากกว่า....

อย่าลืมว่า บุญที่แท้ในศาสนาพุทธนั้น มีแค่ บุญกิริยาวัตถุ 10
ดังที่ผมเคยยกมาให้อ่านกันมาแล้ว...

เหตุแห่งบุญ 10 ประการ... เก็บเกี่ยวบุญฟรีๆ...

ในกระทู้นั้น ถึงหัวข้อการบุญจะถูกต้อง แต่เหตุผลที่ยกมานั้นยังใช้ไม่ได้
ถ้ายึดถือความเชื่อแบบนั้นไป อาจจะกลายเป็นผู้เสพติดบุญไปได้

จนอาจจะทำให้ละเลยการประกอบบุญอันสำคัญที่สุดนั่นคือ ปฏิบัติ

เพราะสุดท้าย ไม่มีสิ่งใดเป็นหลักประกันอันอุ่นใจ
ให้เราหลุดพ้นจากสังสารวัฏ อันหาที่เริ่มที่จบไม่ได้ อันนี้
ไปได้มากกว่า การปฏิบัติจนเรา "ตื่น" ขึ้นจากอวิชชา ด้วยตัวเราเอง...

ขอให้ทุกท่านมีความเห็นที่ถูก ที่ตรงทางด้วยเทอญ...

tag: , , , , , , , , , , ,

กระจกวิเศษ เดินรอบตัวเรา...

จะขึ้นต้นว่า "กระจกวิเศษ จงบอกข้าเถิด..."

ก็ดูจะขึ้นต้นเป็นสูตรสำเร็จไปนิด...

.

แต่ก็จะพูดเรื่องเกี่ยวกับการสะท้อนภาพตัวเองนี่แหละครับ
แต่ว่าเป็นในเชิงภายใน ไม่ใช่เรื่องของภาพภายนอกนะครับ

ผมมีความเชื่ออยู่ข้อหนึ่งว่า
"ผู้คนทั้งหลาย ล้วนเป็นกระจกสะท้อนตัวตนของเราทั้งสิ้น"
เราทำสิ่งใดกับผู้อื่นอย่างไร เขาก็จะทำสิ่งเดียวกันนั้นกลับมาที่เรา

.

เหมือนที่ผู้ใหญ่เคยสอนกันมาว่า
ถ้าอยากให้คนอื่นทำดีกับเรา เราก็ต้องทำดีกับเขาก่อน

ผมก็สังเกตมานาน จนพอสรุปได้ว่า "มันเป็นจริงดังนั้น"

ด้วยการทดลองของผมเองมาหลายปี

จากพื้นฐานนิสัยของผมที่รักสงบ
ไม่ชอบมีเรื่องทะเลาะ หรือกระทบกระทั่งแรงๆ กับใคร

ผมจึงเลือกที่จะปฏิบัติกับผู้อื่นอย่างนุ่มนวล

ผมเห็นด้วยตัวเองว่า
ผมพูดเพราะกับใคร เขาก็จะพูดเพราะกลับมา
ผมปฏิบัติกับใครอย่างสุภาพ เขาก็จะปฏิบัติต่อผมอย่างสุภาพเช่นกัน

ผมไม่ชอบด่าหรือล้อพ่อแม่ใคร
จนถึงวันนี้ ก็ไม่มีเพื่อนคนไหนล้อชื่อพ่อแม่ผม

ผมไม่ชอบเรียกแทนใครด้วยสรรพนามว่า "มัน" หรือแทนด้วยสัตว์ต่างๆ
ทุกวันนี้ ก็ไม่มีใครมาเรียกแทนชื่อผมว่า "มัน" หรือนำหน้าด้วยสัตว์เลื้อยคลานเลยซักที

ผมไม่ชอบทำร้ายใคร หรือใช้กำลังกับใคร
จนทุกวันนี้ ผมก็ไม่เคยโดนใครต่อยหน้าซักที

หันไปดูเพื่อนหลายคน

เขาหยาบไป ก็ได้รับหยาบตอบ
เขารุนแรงไป ก็ได้รับรุนแรงตอบ
เขาไร้เหตุผลไป ก็ได้รับการไร้เหตุผลตอบ
เขาโกหกไป เขาก็ไม่ได้รับการเชื่อถือตอบ

แนวเดียวกับ "ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมารวมกัน" ล่ะมั๊งครับ
คนดี คนเลว สุดท้ายมันจะไหลมาอยู่ด้วยกันเอง
คนชอบแบบเดียวกัน ก็จะได้มาอยู่ด้วยกัน
คนที่มีความเห็นใกล้เคียงกัน ก็จะโดนดึงดูดให้มาเจอกัน...

.

คนเราเลือกสิ่งที่จะเจอได้เหมือนกันนะครับ

เราอยากอยู่ในสภาพแวดล้อม อยู่กับคนแบบไหน
เราก็ทำตัวเราให้เป็นแบบนั้น ให้เหมาะกับสภาพแบบนั้น

แล้วเรา และสภาพแวดล้องของเรา ก็จะเป็นไปแบบนั้นเอง...

.

ดูง่ายๆ ใน blog ที่ exteen นี่ก็ได้ครับ

ผมเขียนเนื้อหาสุภาพหน่อย มีครับ มีผม
คนที่มาอ่านส่วนใหญ่ก็จะสุภาพ ตอบคอมเม้นต์กันแบบสุภาพเช่นกัน
ซึ่งผมก็ดีใจ ที่มีคนคุณภาพดีๆ มาอ่าน

ไปบาง blog ก็เขียนหยาบคาย ใช้คำอ่านไม่รู้เรื่อง
ก็จะเจอคนมาอ่าน และตอบแบบหยาบคาย และไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

.

.

บางทีถ้าเรารู้สึกว่าคนรอบข้างทำกับเราไม่ดี

บางที อาจจะต้องลองหันกลับมาสำรวจตัวเองเหมือนกันนะครับ
ว่าเราไปกระทำประเด็นไม่ดีอันนั้นกับคนอื่นบ้างหรือเปล่า

เพราะบางทีเราก็ไม่รู้ตัวเอง
ต้องถอยออกมาเยอะๆ แล้วก็มองไปที่ตัวเราเอง

สำรวจให้ดี บางทีก็จะได้คำตอบ
ว่าเรา หรือเขากันแน่ ที่เป็นสาเหตุ

2006/04/17 กระจกวิเศษ เดินรอบตัวเรา...


Technorati Tags: , ,

เหตุแห่งบุญ 10 ประการ... เก็บเกี่ยวบุญฟรีๆ...

วันนี้ขอเสนอเหตุที่ทำให้เกิดบุญ 10 ประการ
หรือเรียกแบบดูมีคลาสว่า "บุญกิริยาวัตถุ 10"

บอกก่อนว่า บทความนี้ อ้างอิงจากที่นี่ล้วนๆ
http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/010076.htm

แต่ถ้าชอบแนวละเอียดยิบ เชิญที่นี่คัรบ จากพระไตรปิฎก
ปุญญกิริยาวัตถุสูตร

.

กล่าวโดยย่อคือ บุญที่เกิดในขอบข่ายของพระพุทธศาสนา
เกิดจาก 3 ทางคือ ทาน ศีล และภาวนา

กล่าวโดยละเอียด แยกเป็น 10 อย่างดังนี้
๑. ทานมัย บุญเกิดจากการให้ทาน
๒. สีลมัย บุญเกิดจากการรักษาศีล
๓. ภาวนามัย บุญเกิดจากการเจริญภาวนา
๔. อปจายนมัย บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
๕. เวยยาวัจจมัย บุญเกิดจากการขวนขวายในกิจที่ชอบ
๖. ปัติทานมัย บุญเกิดจากการให้ส่วนบุญ
๗. ปัตตานุโมทนามัย บุญเกิดจากการอนุโมทนาส่วนบุญ
๘. ธัมมัสสวนมัย บุญเกิดจากการฟังธรรม
๙. ธัมมเทสนามัย บุญเกิดจากการแสดงธรรม
๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรง

การทำบุญในพระพุทธศาสนา มี ๑๐ อย่างนี้เท่านั้น
ไม่ได้มากไปกว่านี้ ถ้านอกไปจากนี้ก็ไม่ใช่บุญในพระพุทธศาสนา

.

ตอนนี้ผมกำลังสนใจในข้อ 7 คือ บุญอันเกิดจากการอนุโมทนาส่วนบุญ

เพราะผมเห็นว่าเป็นบุญที่ได้มาง่ายมากๆ
แทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ก็ได้บุญแล้ว

เวลาเรามีโอกาสได้เห็นการสร้างบุญในพระพุทธศาสนา
เห็นแล้ว ก็อนุโมทนา ในบุญใหญ่นั้น

แค่นึกในใจทำนองว่า "ดีจริงๆหนอ" "ดีแล้วหนอ"
ชื่นชมในบุญที่ผู้อื่นทำแล้วเราได้รับรู้

เราก็มีสิทธิ์มีส่วนได้รับบุญนั้นแล้วครับ
เหมือนเราเอาเทียนไปต่อมาจากกองไฟ

เราก็มีส่วนได้รับความสว่างนั้นมา โดยกองไฟนั้นก็มิได้หรี่แสงลง

นี่แหละครับ เรียกว่าการทำบุญแบบที่ง่ายมากๆ ง่ายที่สุด
แค่นึกในใจ อนุโมทนาบุญไปด้วย

ไม่ต้องลงทุนแม้แต่ยกมือไหว้ท่วมหัวด้วยซ้ำ!!!
เราก็ได้รับบุญแล้ว

.

ถ้าเราได้สัมผัสกระแสบุญ สัมผัสความร่มเย็นในใจทุกวันๆ

ผมว่าน่าจะทำให้เกิดสิ่งดีๆกับชีวิตเราได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ...


-----------------
เรียบเรียงแก้ไขใหม่ วันที่ 4 สิงหาคม 2550
เพื่อให้เนื้อหาเป็นสากลขึ้น...


tag: , , , , , , , , ,

วันจันทร์, กรกฎาคม ๓๐, ๒๕๕๐

ฝ่าหลุนกง... เอามาให้อ่านเล่นๆ... [religious]



ไปอ่านเจอมา น่าสนใจดี เอามาให้อ่านกันครับ...

.

ปัญหา
ที่จีนยอมรับไม่ได้และจะต่อสู้จนถึงที่สุดในปัจจุบันนี้มี 4 เรื่อง คือ
เรื่องการเคลื่อนไหวแยกทิเบตของกลุ่มดาไลลามะ, เรื่องไต้หวัน,
เรื่องฝ่าหลุนกง และเรื่องแก้ปัญหาความยากจน

“ฝ่าหลุนต้าฝ่า” หรือที่เรียกกันว่า “ฝ่าหลุนกง” มีรากฐานมาจากการฝึก “ชี่กง” ของชาวจีน

เป็นการบำเพ็ญตนระดับสูง เพื่อบริหารจิตใจและร่างกาย ตามหลักคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล ได้แก่ ความจริง (เจิน), ความ
เมตตา
(ซั่น) และความอดทน (เหยิ่น)
อาศัยการอ่านหนังสือและการฝึกกระบวนท่าอย่างสม่ำเสมอ
ผู้บำเพ็ญสามารถมุ่งมั่นที่จะเป็นคนดียิ่ง ๆ ขึ้น
โดยหล่อหลอมตัวเองเข้ากับคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล 3 ข้อดังกล่าว

หลี่หงจื้อ หรือ “อาจารย์หลี่” เป็นเจ้าลัทธิ

จริง
ๆ แล้ว หลี่หงจื้อเป็นคนเหลวไหล
เพราะภายหลังเหตุการณ์ปฏิวัติวัฒนธรรมในจีนที่อ้างว่าสำเนาทะเบียนบ้านหายไป
เขาก็ได้ไปแจ้งวันเดือนปีเกิดใหม่ เป็นวันวิสาขบูชา
และอุปโลกน์ว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด

จากนั้นก็
พยายามตั้งตัวเป็นศาสดาและเผยแพร่หลักคำสอนด้วยวิชาฝ่าหลุนกงเมื่อปี 1992
โดยเปิดชั้นเรียนสอนเป็นเวลา 2 ปี
หลังจากนั้นก็มีการบอกเล่ากันปากต่อปากจนทำให้จำนวนผู้ฝึกเพิ่มขึ้นอย่าง
รวดเร็ว และเริ่มเผยแพร่ออกไปยังประเทศต่าง ๆ
โดยชาวจีนที่เดินทางไปทำธุรกิจหรือท่องเที่ยว
ทำให้ในปัจจุบันแพร่กระจายเข้าไปใน 40 ประเทศทั้งในเอเชีย ยุโรป
สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ฯลฯ รวมทั้งประเทศไทย
โดยผู้ฝึกสามารถฝึกผ่านหนังสือและวิดีโอเทปได้ด้วยตนเอง

หลัก
คำสอนดัดแปลงมาจากพระธรรมของพระพุทธเจ้า โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การบรรลุธรรม
แต่ได้เปลี่ยนวิธีการ หลักเกณฑ์ และกระบวนการใหม่ทั้งหมด
โดยระบุว่าผู้ฝึกสามารถบรรลุธรรมด้วยการฝึกท่ารำฝ่าหลุนกง และหากฝึกไปนาน
ๆ ผู้ฝึกก็จะกลายเป็นเทพ

คล้าย ๆ พวกลัทธิ “พระศรีอาริย์ทรงเครื่อง” ในบ้านเรายามนี้ที่ใช้การเต้นรำ (ดิ้น) เป็นการสะสมบุญ !


ใน
ชั้นนี้จะเห็นว่า ฝ่าหลุนกงเป็นขบวนการหลอกลวงต้มตุ๋นครั้งใหญ่
และอันตรายต่อมนุษยชาติ
นอกจากบิดเบือนประวัติศาสตร์และพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว
ยังทำให้คนจีนต้องตายไปเป็นจำนวนไม่น้อย
เพราะเชื่อว่ารำฝ่าหลุนกงแล้วหายจากโรคภัยไข้เจ็บ จึงไม่ไปหาหมอ
รักษาโรคตามอาการ หรือไปเมื่อสายเกินรักษา

มีหลักฐานแสดงว่า
ระหว่างเดือนพฤษภาคม 1992 ถึงปลายปี 1994 หลี่หงจื้อจัดฝึกวิชาฝ่าหลุนกง
56 รุ่น เก็บเงินได้กว่า 3 ล้านหยวน และขายหนังสือ วีดิโอเทป ได้กำไรถึง
3,886 ล้านหยวน

แล้วขนเงินจำนวนหนึ่งไปซื้อกรีนการ์ด บ้าน และรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา !

หลี่หงจื้อไปพำนักในนิวยอร์กตั้งแต่ปี 1995


นัก
วิชาการทางด้านจีนศึกษามีความเห็นตรงกัน
ถึงสาเหตุหลักการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในสังคมจีนว่า
มาจากทัศนคติและความเชื่อในศาสนาของชาวจีนนั่นเอง

แม้ว่าศาสนา
หลักในประเทศจีนจะมีอยู่ 4 ศาสนา คือ พุทธ อิสลาม คริสต์ และเต๋า
ซึ่งมีศาสนสถาน กิจกรรมทางศาสนา
แต่ความเชื่อที่มีอิทธิพลมากที่สุดยังคงเป็นขงจื๊อ

ในบรรดาประชา
กรจีน 1,100 ล้านคนนั้น ผู้ที่เป็นศาสนิกชนมีประมาณ 100 ล้านคน อีกประมาณ
50 ล้านคนเป็นผู้ที่เชื่อในปรัชญาลัทธิมาร์กซ์เลนินของพรรคคอมมิวนิสต์
นอกนั้นคือผู้ที่บอกไม่ได้ว่านับถือศาสนาอะไร
เพราะเป็นพวกที่เชื่อคำสอนของขงจื๊อ

มองในมุมหนึ่งแล้วเป็นเรื่องของความอ่อนแอทางจิตวิญญาณ

สังคม
จีนลงรากลึกในคำสอนของขงจื้อมานาน แต่ขงจื๊อก็ไม่ใช่ศาสนา
ผู้คนจึงไม่มีหลักยึดอะไรชัดเจนผ่านพิธีกรรม
และวัตรปฏิบัติเหมือนศาสนิกของแต่ละศาสนา
ความอ่อนแอทางจิตวิญญาณจึงเกิดขึ้น

เป็นช่องว่างให้ลัทธิกึ่งศาสนาใหม่ ๆ เกิดขึ้นมา

ฝ่าหลุนกงเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น


ใน
ตอนต้น ทางการจีนไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ มากนัก
จนกระทั่งสาวกลัทธินี้ได้ออกมาเรียกร้อง
ให้รัฐบาลจีนรับรองว่าฝ่าหลุนกงเป็นศาสนาหนึ่ง
เมื่อรัฐบาลจีนไม่รับรองก็ก่อการประท้วงเกิดขึ้นเนือง ๆ ในช่วงปี 1997 –
1998 รัฐบาลจีนจึงเริ่มจับตามองความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด
และเริ่มเห็นว่าเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมือง
ที่มุ่งสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลจีน และพรรคคอมมิวนิสต์จีน
เพราะมีระบบการจัดตั้งที่รัดกุม และการดำเนินการไปในทางลับ
กระทั่งสามารถจัดการประท้วงโดยสาวกจำนวน 10,000 คนปิดล้อมจงหนานไห่
ที่พำนักและที่ทำการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อเช้าวันที่ 25 เมษายน 1999

รัฐบาลจีนจึงถือว่าฝ่าหลุนกงเป็นขบวนการผิดกฎหมายอย่างเป็นทางการในปี 1999 นั้นเอง

และเริ่มดำเนินการปราบปราม

จน
ถึงปัจจุบัน รัฐบาลจีนเชื่อว่าขบวนการนี้มีเบื้องหลังทางการเมือง
ที่จะปลุกประชาชนจีนให้ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลจีน และพรรคคอมมิวนิสต์จีน

รวมทั้งเชื่อว่าเป็นแผนการทำลายประเทศจีนของมหาอำนาจบางประเทศ

อย่าลืมนะครับว่าผู้นำขบวนการฝ่าหลุนกงปัจจุบันอยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้รับการสนับสนุนจากบางองค์กรของสหรัฐอเมริกาและไต้หวัน


ขบวน
การฝ่าหลุนกงพยายามจะจัดการประชุมในประเทศไทยเมื่อวันที่ 21 – 22 เมษายน
2544 โชคดีที่ก่อนหน้านั้นในช่วงตรุษจีนของปี 2001 วันที่ 23 มกราคม
สาวกฝ่าหลุนกงในจีนจัดการประท้วงที่จตุรัสเทียนอันเหมิน แล้วเผาตัวตาย 4
คน แต่ตายจริงเพียง 1 คน
ทำให้รัฐบาลทั่วโลกจับตาและเห็นว่าเป็นขบวนการอันตราย

การประชุมในประเทศไทยจึงเลิกล้มไป !


พายัพ วนาสุวรรณ 4 เม.ย. 46

Politics - Manager Online

.

ก็เอามาเทียบเคียงกันนะครับ
ว่าทุกวันนี้ อะไรก็เชื่อยาก...

พิจารณาให้ดี แล้วค่อยเชื่อก็ยังไม่สาย...

Technorati Tags: , , , , , ,

วันพุธ, กรกฎาคม ๒๕, ๒๕๕๐

สุดโต่งสองทาง...

คนเรามักหลงไปยังสุดโต่งสองทางเสมอ

คือเวลาไม่ปฏิบัติ ก็จะหลงไปทางหย่อน
ลืมตัว ลืมกาย ลืมใจ
หลงคิดอะไรไปเรื่อย โดยขาดสัมมาสติ

ส่วนเวลาอยากปฏิบัติ ก็จะหลงไปทางตึง
คือหลงเพ่ง หลงจ้อง หลงกำกับ
ไปทำให้มันนิ่ง เป็นสมถะ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังเพ่งด้วยซ้ำ...

การจะทำให้เกิดทางสายกลาง
จริงๆแล้วคือ ไม่ต้องทำอะไรเลย

การไม่ทำอะไรสุดโต่งไป มันจะเกิดทางสายกลางไปเอง

วิหารธรรม คือเครื่องอยู่แห่งสติ
ไม่ใช่คุกที่ขังสติ

เมื่อเรา "อยู่" เราอยากจะออกไปเมื่อไหร่ก็ได้
แต่ถ้าเรา "ขัง" ถึงอยากออก ก็ออกไม่ได้

ขอให้ทุกท่านวางสติให้ดี อย่าพลาดพลั้งเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์...



Technorati Tags: , , ,

วันจันทร์, กรกฎาคม ๑๖, ๒๕๕๐

นักปฏิบัติโดยกำเนิด...

ยิ่งผมได้อ่าน ได้เรียนรู้มากขึ้น
ผมก็ยิ่งเข้าใจพฤติกรรมต่างๆในอดีตของผมเองมากขึ้น

ทั้งในเรื่องที่ดี หรือในเรื่องที่ไม่ดี
และแม้แต่เรื่องที่ผมเองไม่เคยคิดว่ามันจะมีเหตุผลแฝง...


อย่างทุกวันนี้ ผมเข้าใจแล้วว่า
ผมมีอุปนิสัยแห่งการเป็น "นักปฏิบัติ" โดยธรรมชาติ
ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่มีใครมาสอนให้ทำ

เพราะย้อนคิดไป ผมเห็นตัวเองมักจะสนใจสิ่งที่ตนเองรู้สึก
นั่นคือเวลาเกิดสิ่งใดขึ้น ผมจะย้อนเข้ามาดูว่า ตอนนี้เรารู้สึกเช่นไร
วูบวาบช่วงอก หรือเกิดใจสั่น หรือแม้แต่มือสั่น น้ำเสียงเปลี่ยน
และแม้แต่ใจกระเพื่อมไหว

ซึ่งนั่นจะนิยามเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากการ "ดูกายดูใจ" นั่นเอง...

เพียงแต่ก่อนนั้น จะเกิดเฉพาะตอนที่มีการกระทบรุนแรง
และนานๆ จะเกิดทีหนึ่ง

แต่พอได้ศึกษา จึงได้เริ่มเห็นความถี่ และธรรมชาติที่จะทำ

เพียงแต่ตอนนี้ผมยังไม่รู้เท่านั้นว่า
สิ่งที่ทำอยู่ ถูกต้องตรงทางหรือยัง

และยังขาดความสม่ำเสมอเท่านั้น....

วันศุกร์, กรกฎาคม ๐๖, ๒๕๕๐

อย่าคิดว่ารู้แล้ว เพราะรู้ได้ ก็ลืมได้...

สัญญาอนิจจังวา...

สัญญาจำได้หมายรู้ นั่นก็ไม่เที่ยง...

.

ก็เหมือนกับความรู้ทางโลกโดยทั่วไปนั่นแหละครับ
ถึงเราจะศึกษา ถึงเราจะรู้สึกเหมือนจะเข้าใจมัน

แต่พอเวลาผ่านไป เราก็อาจจะเริ่มเลอะเลือน
จำไม่ได้แม่นยำ และพาลจะทำให้เราสับสนได้

เพราะมันเป็นความรู้ในระดับแค่คิดๆนึกๆเอา
ไม่ได้ปัญญาอันเกิดแก่จิตแก่ใจ ไม่ใช่ความรู้อันแท้

ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป เราก็ควรจะหาเวลากลับไปอ่านเรื่องเก่าๆ
ที่เราเคยอ่านเมื่อนานมาแล้วบ้าง

หรือจะลองยกหัวข้ออะไรขึ้นมาซักอัน
แล้วลองพูดมันออกมาให้ฟังรู้เรื่องดู

ถ้าเรายังตอบได้ ชัดเจน ไม่มีข้อสงสัย
แสดงว่าหัวข้อนั้น เราผ่านได้
แต่ถ้าไม่ ก็จงกลับไปศึกษาใหม่อีกรอบเสีย

อย่างพระท่าน ยังมีสวดปาติโมกข์
เพื่อซักซ้อมข้อพระวินัยทุกวันพระ

เราผู้ยิ่งห่างจากธรรมะ และอยู่ท่ามกลางสิ่งเร้ากิเลส
จึงยิ่งควรทบทวนซักซ้อมให้พร้อมอยู่เสมอๆ

ไม่อย่างนั้น เมื่อคราวทุกข์ถาโถมโจมตีเรา
เราจะไม่มีอาวุธเสื้อเกราะเอาไว้ตอบโต้

จนกลายเป็นคนสติแตกเหมือนผู้คนในสังคมหลายคนตอนนี้...

วันพฤหัสบดี, มิถุนายน ๒๑, ๒๕๕๐

ถอดความบทสัมภาษณ์ท่าน ว.วชิรเมธี...

แหม... ตกข่าว...

เพิ่งจะได้เข้าไปอ่านในพันทิป ห้องเฉลิมไทย
เลยได้เห็นว่ามีกระทู้แนะนำัอันนี้ด้วยครับ

PANTIP.COM : A5500757 ท่านว.วชิรเมธีกับความรู้เรื่องจตุคามรามเทพ(ถอดความจากรายการเจาะใจ) [วิทยุ-โทรทัศน์]

.

จำได้ไหมครับ ที่ผมเคยอัดรายการแล้วอัพเอาไว้ใน entry นู้น

อันนี้ที่ exteen
เจาะใจ ท่าน ว.วชิรเมธี เรื่องปัญญา และจตุคามฯ... [video]

อันนี้ของที่นี่ครับ
เจาะใจ ท่าน ว.วชิรเมธี เรื่องปัญญา และจตุคามฯ...

คุณ Lotion จากบอร์ดลานธรรม
ได้ช่วยถอดความบทสัมภาษณ์ท่าน ว.วชิรเมธี
แล้วโพสเอาไว้ที่เว็บบอร์ดลานธรรม

คลิปวิดีโอ : เจาะใจ ท่าน ว.วชิระ เมธี -> กระดาน ชีวิตกับธรรมะ | ลานธรรมเสวนา larndham.net

ทีนี้ก็เหมาะสำหรับคนที่เน็ตไม่แรง ดู video ไม่ได้
แล้วก็สามารถนำไปพิมพ์แจกจ่ายได้ง่ายขึ้นด้วยครับ

ขอบคุณคุณ Lotion มา ณ ที่นี้
และอยากให้ช่วยกันเผยแพร่สัมมาทิฐิอันนี้ไปยังวงกว้างด้วยครับ...

วันพฤหัสบดี, มิถุนายน ๑๔, ๒๕๕๐

เจอพระยืมเงิน....

เกิดมาในชีิวิต ผมก็เพิ่งจะเคยเจอนี่ล่ะครับ

พระโทรมายืมเงิน

.

ไม่ใช่พระธรรมดาทั่วไปนะครับ
ระดับเจ้าอาวาสทีเดียว...

เขาว่าสร้างกุฎิใหม่ แล้วเดือดร้อนค่าน้ำค่าไฟ
เจอค่าไฟไปตั้งสี่หมื่น

ไม่รู้จะพึ่งใคร เลยโทรมาขอยืมซักหมื่นนึงก่อน
แล้วพอเข้าพรรษาจะคืนให้...

.

งานนี้ ไม่รู้จะพูดว่าอะไร นรก นรก นรก ล้วนๆ เลยนะท่านนะ...

หนึ่งคือ... ท่านเป็นเจ้าอาวาส
ชาวบ้านหมดศรัทธาประสาสะ ไม่ทำบุญช่วยเหลือ
จนแม้แต่ที่อยู่อาศัย ก็ยังลำบาก ค่าน้ำไฟก็ไม่มีจ่าย...
ท่านไม่รู้จักความพอเพียง...

สองนะ คือเป็นพระ ถึงจะเป็นสมมุติสงฆ์
แต่ก็ไม่ควรจะพูดจาเรื่องหยิบยืมเงินฆราวาส
เพราะเงินให้พระ มีหรือโยมจะกล้าทวงถาม

และที่สำคัญบอกว่าพอเข้าพรรษาจะหาเงินมาคืนให้
แล้วเงินนั่นจะมาจากไหนล่ะท่าน ถ้าไม่ใช่เงินทำบุญของชาวบ้าน
การนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง

เพราะเงินนั้นชาวบ้านให้ด้วยศรัทธาในการช่วยบำรุงวัดและศาสนา
จะเอาเงินนั้นมาคืนใช้หนี้ฆราวาส จะเป็นการสมควรหรือไม่
เป็นเงินของหมู่สงฆ์หรือเปล่า... แล้วนรกจะกินหัวคนรับหรือเปล่า

อันว่าผู้บวชเป็นพระ ถ้ามีบุญมีบารมีแล้ว
จะไม่ลำบากขัดสนในการใช้ชีวิตเลย
จะมีอยู่มีกินบริบูรณ์ ไม่ขัดสนต่อสมณสารูป

แต่ในรูปแบบนี้... ท่านคงจะหมดวาสนาเสียแล้วกระมัง...

งานนี้เอาไงดีหว่า... ช่วยก็นรก ไม่ช่วยก็สงสาร...

วันพุธ, มิถุนายน ๐๖, ๒๕๕๐

เมื่อจตุคามครองเมือง...

พักนี้เปิดหนังสือพิมพ์อ่าน
ไม่มีวันไหนจริงๆ ที่ผมจะไม่ได้เห็นจตุคาม...

Image Hosted by ImageShack.us

จะต้องมีลงโฆษณาทุกวัน เล็กบ้างใหญ่บ้าง
บางวันแย่งกันหาที่ลงแทบไม่ได้ สามสี่วัดตีกันเอง

และล่าสุดวัดไผ่ล้อมหลวงพ่อพูล ก็ลงมาเล่นด้วยแล้ว
เสียดายชื่อเสียงหลวงพ่อพูลเหลือเกิน

ผมต้องบอกตรงๆว่า ทุกวันนี้ผมเห็นจตุคามบ่อย และมากจริงๆ
มากกว่าในหลวง มากกว่าพระสุปฏิปันโณทั้งหลายด้วยซ้ำ

ไม่อยากดูก็ต้องดู ไม่อยากเห็นก็ต้องเห็น...
เพราะมันมาทั้งในหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือคนที่เดินผ่าน....

ไม่รู้ว่าปรากฏการณ์คนไทยหลงลัทธิ หลงทิศศาสนาแบบนี้ จะอยู่อีกนานแค่ไหน

แว่บมาดูส่วนล่างๆของหน้าโฆษณา

Image Hosted by ImageShack.us

ตึกแบบนี้นี่มัน... อย่าบอกนะว่าอยู่ในวัดพุทธ

ทุกวันนี้ผมเห็นวัดพุทธ มีวิหารเทพ
วิหารโพธิสัตว์ รูปปั้นอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด

นับเป็นความเละเทะ และลัทธิพาณิชย์อย่างสุดโต่ง

พระสงฆ์ที่เป็นสมมุติสงฆ์ส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้รู้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร
สิ่งใดเป็นประโยชน์ สิ่งใดไม่เป็นประโยชน์
ไม่สั่งสอนให้คนรู้ว่าสิ่งใดควรพึ่ง สิ่งใดไม่ควรยืดถือ

ดังว่าดอกบัวยังมีสี่เหล่า
แต่ก็ต้องรู้ด้วยว่า คนที่ไม่แม้แต่จะนับเป็นดอกบัว ก็มีอยู่เต็มไปหมด

น้ำเชี่ยวอย่าเพิ่งเอาเรือไปขวาง
คอยประคอง คอยประกบเอาไว้ไม่ให้เรือไหลลงเหวน้ำตกได้ก็นับว่าดีแล้ว...

ระวังอย่าให้ตัวเองไหลไปกับกระแสน้ำเชี่ยวนี้ด้วยก็แล้วกัน...

วันเสาร์, มิถุนายน ๐๒, ๒๕๕๐

เจาะใจ ท่าน ว.วชิรเมธี เรื่องปัญญา และจตุคามฯ...


Online Videos by Veoh.com

http://video.mthai.com/player.php?id=6M1180759977M0

.

สิ่งที่ท่าน ว.วชิรเมธี พูดในรายการเจาะใจครั้งนี้
ตอบคำถาม และสิ่งที่ค้างคาใจของผมออกมาได้แบบ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง

เพราะจากที่เคยได้แต่นึกแบบปะติดปะต่อ พอได้ฟังท่านสรุปความ
ความคิดทั้งหมดก็เลยมาต่อติดกัน ประหนึ่งผ้าผืนเดียว

ไม่่ว่าจะเป็นเรื่องของมิจฉาทิฏฐิของคนไทยในปัจจุบัน
และเรื่องของพระที่ไปร่วมทำในสิ่งนอกเนื้อนาบุญแห่งพระพุทธศาสนา

ดังว่าสังสารวัฏต้องประกอบด้วยคนทุกประเภท

เขาเลือกที่จะเป็นคนประเภทนั้นไปเสียแล้ว
ถ้าเราช่วยอะไรเขาไม่ได้ เราก็พยายามทำตัวเองให้ดีก็พอ

อย่างน้อยก็ลดจำนวนคนมืดบอดทางปัญญาลงได้หนึ่งคน...

วันจันทร์, พฤษภาคม ๒๘, ๒๕๕๐

ขอเชิญร่วมประกวดแต่งเนื้อเพลงธรรมะ...

ขอประชาสัมพันธ์โครงการดีๆ อีกหนึ่งโครงการครับ



เนื่อง ในโอกาสครบรอบ 101 ปี แห่งชาตกาลของพุทธทาสภิกขุ อันเป็นวาระเดียวกันกับที่มีการเฉลิมฉลองการที่พุทธทาสภิกขุ ได้รับการยกย่องเป็น "บุคคลสำคัญของโลก" จากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO นี่คือโอกาสอันดีที่ ชาวพุทธทั่วโลก และสมาชิกของทุกศาสนา จะได้รับรู้ และเข้าใจถึง "ธรรมสังคีต" ในสาระ และรูปแบบที่หลากหลาย เพราะนี่อาจเป็นกุศโลบายที่จะนำพาผู้คน และศาสนาให้กลับมาอยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกครั้ง

"ตัวกู ของกู Me My music" คือโครงการที่เกิดขึ้นเพื่อสืบสาน และเผยแพร่ "ธรรมสังคีต" ให้เป็นสื่อเพื่อยกระดับจิตใจ เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้เยาวชน คนรุ่นใหม่ สามารถเข้าถึงหลักธรรมได้ง่ายขึ้น และนับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราจะสืบทอดปณิธานของท่านพุทธทาสภิกขุได้เป็น อย่างดี

นับจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกของศาสนาใดในโลก
ดนตรี จะเป็นภาษาที่ทำให้เราเข้าใจ เรื่องที่เราไม่เคยเข้าใจ
และ จะเป็นสื่อกลางที่นำพาเราให้เข้าถึง เรื่องที่เราไม่เคยเข้าถึง
แล้วคุณจะเชื่อ...ว่าธรรมะนั้นจับต้องได้

.

http://www.tuaku-kongku.com/

โครงการประกวดแต่งเนื้อร้องที่เนื้อหาอิงกับหลักธรรมะ
ผ่าน 3 ท่วงทำนอง ของ ติ๊ก ชีโร่, ตุล อพาร์ตเม้นต์คุณป้า และ อัยย์ พรรณณี วีรานุกูล

* ไม่จำกัดเพศ อายุ การศึกษา อาชีพ ส่วนสูง น้ำหนัก รอบเอว รอบอก ฯลฯ
* เนื้อเพลง ต้องมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับธรรมะ จะศาสนาใดไม่เกี่ยง
* เลือกแต่งเนื้อร้อง ลงในทำนองใดทำนองหนึ่ง หรือจะทั้งหมดก็ได้ไม่ว่า

ส่งผลงานได้ตั้งแต่ วันนี้ - 31 กรกฎาคม 2550
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ี่้ 081-147-8334 / e-mail: info@tuaku-kongku.com
หรือติดตามรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.tuaku-kongku.com

.

เรียนเชิญท่านใดที่มีความสามารถ นี่เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่แล้วครับ
เพราะเพลงจะเข้าถึงคนจำนวนมากได้รวดเร็ว และง่ายดาย

นับเป็นมหากุศล ด้วยการมอบปัญญาเป็นทาน
เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนทั่วไป

แล้วผมจะคอยติดตามโครงการนี้เรื่อยๆครับ...

วันเสาร์, พฤษภาคม ๑๙, ๒๕๕๐

มาสวดมนต์ รักษาศีลกันเถิด...

ขอนำเรื่องเก่าที่เคยเขียนเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2548 มาลงไว้ที่นี่
เพราะผมกะว่าจะเอาเรื่องต่างๆ ที่เคยเขียนเอามารวมไว้ที่เดียวกันเสียเลย

2005/12/23
มาสวดมนต์ รักษาศีลกันเถิด...

กลัวจะเครียดกันนะ

แต่อยากให้ได้ประโยชน์มากกว่า...

วันนี้จึงขอนำบทสวดมนต์ที่ทุกท่านน่าจะเคยได้ยิน
แต่น้อยคนจะรู้คำแปล และจดจำได้...

ขอเริ่มกันด้วยบทเบสิค ที่ทุกท่านที่เป็นชาวพุทธ ควรจะท่องจำได้

.

.

บทสวดสรรเสริญพระรัตนตรัย

๑. พุทธคุณ

อิติปิโส ภะคะวา
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะ สัมปันโน
สุคะโต โลกะวิทู
อนุตตะโร ปุริสะธัมมะสาระถิ
สัตถาเทวมนุสสานัง พุทโธภะคะวาติ

๒. ธรรมคุณ

สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม
สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก
ปัจจัตตังเวทิตัพโพ วิญญูหิติ

๓. สังฆคุณ

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทังจัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะปุริสะปุคคะลา
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย
ทักขิเนยโย อัญชะลีกะระณีโย
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ

คำแปล

พุทธคุณ – แม้เพราะอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
เป็นพระอรหันต์ผู้บริสุทธิ์เป็นผู้ควรแนะนำสั่งสอนผู้อื่น
ควรได้รับความเคารพบูชา เป็นผู้ตรัสรู้ชอบเอง
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชาและความประพฤติ
เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก
เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ฝึกได้ ไม่มีใครยิ่งไปกว่า
เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว และเป็นผู้จำแนกแจกธรรม

ธรรมคุณ – พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว
อันผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเอง
ไม่ขึ้นอยู่กับกาล
ควรเรียกให้มาดู
ควรน้อมเข้ามาในตน
อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน

สังฆคุณ – พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติดี
เป็นผู้ปฏิบัติตรง เป็นผู้ปฏิบัติถูกทาง
เป็นผู้ปฏิบัติสมควร เป็นผู้ควรแก่ของคำนับ
เป็นผู้ควรแก่การต้อนรับ เป็นผู้ควรแก่ของทำบุญ
เป็นผู้ควรแก่การทำอัญชลีกราบไหว้ เป็นนาบุญอันยอดเยี่ยมของโลก

.

.

ลองสวดบ่อยๆ
ระลึกถึงคุณแห่งพระพุทธเจ้าที่ทรงสะสมบารมีนับชาติไม่ถ้วน
เพื่อมาตรัสรู้เป็นพระผู้รู้ สมณโคดมพุทธเจ้า...

แต่ก็มิได้ทรงเสวยสุขนั้นเพียงผู้เดียว
แต่กลับทรงลำบากตรากตรำสั่งสอนเหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายให้รู้ถึงความจริง
จนแม้แต่วาระสุดท้าย ก็ยังทรงสั่งสอนให้เราทุกคน ระวังตนไม่ให้ตกอยู่ในความประมาท

จะมีครูผู้ใดที่ยิ่งใหญ่ และเสียสละเท่านี้อีกหรือ...

.

.

และอีกบทที่พระจะสวดให้เราฟังบ่อยๆ
เห็นคนก็รับ สาธุๆๆ
แต่รู้ความหมายกันไหมครับ...

.

.

สีเลน สุคตึ ยนฺติ สีเลน โภคสมฺปทา สีเลน นิพพุตึ ยนฺติ ตสฺมา สีลํวิโส ทเย

แปล
ศีลทำให้เราเข้าถึงสุคติ ศีลก่อให้เกิดโภคทรัพย์
และศีลนำมาให้ได้ถึงความดับ หรือพระนิพพาน
ด้วยเหตุฉะนี้ จึงควรรักษาศีลไว้ด้วยดี

.

.

บทนี้ท่านสอนให้เรารู้คุณแห่งศีล
แม้เพียงแค่ศีล 5 ก็ทำให้เราเป็นผู้มีความสุข มีทรัพย์
และเป็นเหตุทำให้ใกล้ถึงนิพพานได้แล้ว

อย่าคิดว่ามันโอเว่อร์ เป็นไปไม่ได้นะครับ
อย่างน้อยผู้มีศีล ก็ยังเข้าใกล้ความสุขความเจริญกว่าผู้ไม่มีศีลอย่างแน่นอน

เราจึงควรเป็นผู้มีศีล อย่างน้อย 5 ข้อ คือ

๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

.

.

อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือเรื่องไกลตัว

หากเรายังกล้าพูดได้เต็มปากว่า นับถือศาสนาพุทธ
ก็อย่าให้นับถือแต่ชื่อ หรือพิธีกรรมประหลาดนอกศาสนา
ควรศึกษาให้รู้ถึงแก่นแท้ และน้อมนำมาใส่ตน

เพราะพระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว
อันผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเอง (ถ้าปฏิบัติ จะเห็นชัดด้วยตนเอง)
ไม่ขึ้นอยู่กับกาล (สามารถพิสูจน์ได้เสมอ ไม่มีเก่าเกินไป หรือใหม่เกินไป)
ควรเรียกให้มาดู (ควรเรียกให้ผู้อื่นมาศึกษา)
ควรน้อมเข้ามาในตน (ควรศึกษาให้ถ่องแท้)
อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน (จะเข้าใจได้เฉพาะตน ไม่มีใครบอกให้รู้เห็นตามตนได้)

ก่อนจาก ขอฝากเรื่องนี้ให้อ่าน

ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ

เพื่อให้เห็นว่า ไม่มีอาภรณ์ใดประเสริฐกว่าศีล
ไม่มีกลิ่นหอมใด หอมกว่าศีล

.

.

ขอแค่ 5 ข้อเองนะ...

วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม ๑๗, ๒๕๕๐

รูปวาดพระพุทธเจ้า...

เป็นรูปพระพุทธเจ้าที่แพร่หลายมากที่สุดรูปหนึ่งที่ผมเห็น



click ที่ภาพเพื่อโหลดภาพใหญ่ได้นะครับ

ปกติเราจะเห็นแต่ภาพพระพุทธองค์ตรงกลาง
แต่พอดูภาพใหญ่ ดูภาพรวมแล้วจะเห็นถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่

ลองอ่านความเห็นได้จากที่นี่ครับ

พุทธนิมิตเหนือเว็บบอร์ดลานธรรม + เพลงพุทธคุณ -> กระดาน ชีวิตกับธรรมะ | ลานธรรมเสวนา larndham.net

วันพุธ, พฤษภาคม ๑๖, ๒๕๕๐

เปิด Blog...

เปิด Blog เอาไว้รองรับก่อนครับ
ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ขอเวลาใส่พวก stat กับอะไรนิดหน่อยก่อน
แล้วจะมาบอกว่า ผมจะเขียนอะไร