วันอาทิตย์, ตุลาคม ๓๑, ๒๕๕๓

มานะ เป็นสิ่งละเอียด…

อ่านบทความของหลวงพ่อปราโมทย์เรื่องนี้่

การภาวนาในชั้นละเอียด ต้องระวัง กิเลสจะดูเหมือนกุศล
http://www.dhammada.net/coffee/index.php/topic,63.0.html

ส่วนที่น่าสนใจคือการยกตัวอย่างเรื่อง มานะ

อย่างเวลาเราเห็นครูบาอาจารย์ปุ๊บนะ เรามีศรัทธากับท่านนะ โอ๊ ท่านดีจังเลยนะ มองตัวเองแว๊บเดียว ทำไมมันแย่อย่างนี้ เทียบเขาเทียบเราปั๊บ นี่คือมานะนะ เห็นไหม พลิกนิดเดียวเองน่ะ โอ๊ กำลังศรัทธาๆ พอหันมามองดูตัวเองนะ ไม่ได้เรื่อง มีเขามีเราขึ้นมาแล้ว มีมานะนะ เทียบเขาเทียบเรา นึกว่าศรัทธา

ทำให้เข้าใจได้ละเอียดขึ้นว่า บางขณะ เราเกิดมานะ นอกเหนือจากแค่อัตตา

และทำให้เห็น “มานะ” ชัดเจนขึ้นอีกระดับ…

วันศุกร์, กันยายน ๐๓, ๒๕๕๓

twitter ใช้ฝึกดูจิตไม่ได้ดอก...

มาเขียน เพราะเห็นว่าวันนี้มีการเผยแพร่ blog ของท่าน jakrapnog เรื่อง ฝึกดูจิตด้วย twitter http://jakrapong.com/2009/10/18/follow-your-heart-twitter/ ซึ่งจากที่ได้อ่าน ดูว่าผู้เขียนยังเข้าใจคำว่า "ดูจิต" คลาดเคลื่อนไปพอสมควร

ประเด็นทีว่ารู้สึกอย่างไร ก็บันทึกลง twitter ไปนั้น เรียกว่าหลงไปเสียแล้ว
เพราะถ้ามีสติ ดูจิตที่มันเกิดขึ้น และเห็นมันดับลงไปแล้ว จะไม่ทันได้ควักมือถือออกจากกระเป๋าด้วยซ้ำไป
ถ้าจิตแช่ในอารมณ์นานพอจะทวิตข้อความได้ นั่นก็แสดงว่าต้องแช่อยู่ราว 5-10 วินาทีขึ้นไปทีเดียว

เรื่องบันทึกอารมณ์แต่ละวันแล้วย้อนกลับไปนั้น จะมีประโยชน์บ้าง ก็คงเป็นเรื่องเพื่อการสำนึกและปรับนิสัย
หากจะบอกว่ามีประโยชน์ใดๆ ต่อการฝึกสติหรือไม่ คงต้องตอบตรงไปตรงมาว่า "ไม่"
เพราะการฝึกสติ หรือดูจิตนั้น ต้องเป็นการดูใน "ปัจจุบันเท่านั้น"

และที่ยากยิ่งกว่าคือ "ไม่ส่งจิตออกนอก" ไม่ไปเที่ยวค้นคว้าเกาะเกี่ยวสิ่งนอกเหนือจากกายและใจตัวเอง
รวมถึง "ไม่ส่งจิตเข้าใจ" คือไม่วกกลับเข้ามาหมกมุ่นหลงแช่ในอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ในใจตัวเอง

ตรงนี้แหละคือหลักสำคัญที่ต้องเข้าใจให้แม่นยำ เพื่อให้สามารถตรวจสอบการปฏิบัติของตวเองได้ว่ามาถูกทางหรือไม่
ถ้ามีอารมณ์อยู่นานจนพิมพ์ข้อความได้ หรือแม้แต่พูดได้ หรือแค่คิดจนจบประโยคบ่นได้ ก็นับได้ว่าหลงไปเสียแล้ว

สิ่งที่เกิดคือเห็นโทสะ (หรืออื่นๆ) เกิดขึ้นใจจิต เห็นว่ามันเกิดขึ้น เห็นมันอยู่ เห็นว่าพอเราไม่เติมอาหารคืออารมณ์ให้มันแล้ว มันก็ดับไปเอง โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเราเลย เราไม่ใช่ผู้ที่ไปบังคับให้มันเกิดหรือมันดับ
มันเกิดเพราะมีเหตุให้เกิด มันดับเพราะหมดเหตุของมัน

อย่างนี้เอง จึงเรียกว่า เข้าใจกระบวนการดูจิต และเห็นจิตเป็นของไม่เที่ยง...

ไม่ขอเผยแพร่ในวงกว้าง เพราะเกรงจะสร้างศัตรูทางใจ แต่ขออธิบายไว้ เผื่อใครจะมีกรรมร่วมกันได้ผ่านมาอ่าน...
หากจะทำให้ใครขุ่นข้องหมองใจไปบ้าง ก็ขออภัย

วันพุธ, เมษายน ๐๗, ๒๕๕๓

อาการของจิต...

อาการของจิตที่ดึงเข้า คือราคะ

อาการของจิตที่ผลักออก คือโทสะ

อาการของจิตที่ไม่ดึงไม่ผลัก คือโมหะ

...

ความเมตตาที่มากเกิน จะพลิกเป็นราคะ

ความกรุณาที่มากเกิน จะพลิกเป็นโทสะ

...

ต้องหัดมองอยู่ห่างๆ เตือนตัวเองไม่ให้เคล้าคลึงอารมณ์มากเกินไปจนหลง