วันเสาร์, สิงหาคม ๒๕, ๒๕๕๐

ท่าน ว.วชิรเมธี พูดเรื่องกฎแห่งกรรม ในรายการตาสว่าง... [video]


รายการตาสว่างของคุณดู๋ สัญญา
สัมภาษณ์ท่าน ว.วชิรเมธี เรื่องเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม
วันที่ 23/8/2550

ถึงจะเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ก็ยังมีคนไม่เข้าใจเยอะ
ดังนั้นถ้าเป็นชาวพุทธ ควรเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมให้ดีครับ

ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นพวก "มั่ว" คิดเองเออเองเอาได้...

ท่านพูดได้น่าฟังครับ


Technorati Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม ๑๖, ๒๕๕๐

กินเจ มังสวิรัติ ไปนิพพาน?...



วันก่อน นั่งรถไปเจอรถบรรทุก
กำลังขนหมูไปไหนซักแห่ง ที่คาดว่าน่าจะเป็นโรงฆ่าสัตว์

เกิดความสงสาร อยากจะช่วยเหลือ
แต่มานึกๆดูแล้ว ด้วยกำลังของเรานี้น้อยนิดนัก
เราจะช่วยสัตว์ทั้งหลายได้แค่ไหน?

จำนวนคงเทียบเท่าทรายเม็ดเดียวในมหาจักรวาลอันกว้างใหญ่โน่นทีเดียว

เคยเจอคนที่เชื่อว่า ไม่กินเนื้อสัตว์แล้วจะได้บุญ
ในเรื่องนี้หลวงพ่อเทียน ท่านเคยตอบไว้สั้นๆได้ใจความว่า

"ถ้ากินแต่ผักแต่หญ้า แล้วบรรลุนิพพาน
วัวควายก็เป็นอรหันต์กันหมดแล้ว"

อย่าไปคิดว่า อย่างน้อยเราไม่กินคนนึงก็ดีกว่า
หรือถ้าหลายๆคนช่วยกันไม่กิน แล้วโลกเราจะดีขึ้น

เปล่าเลยครับ... ไม่มีประโยชน์...

ทุกอย่างมีทางของมัน กรรมล้วนกำหนด
เราไม่กิน ก็มีคนอื่นกิน จำนวนไม่ลดไปกว่านี้แน่นอน
เราไม่ฆ่า ก็มีคนอื่นฆ่า สัตว์ก็จะต้องตายมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน...

เพราะมีคนที่เกิดมาเพื่อ "ต้องฆ่า" และสัตว์ที่เกิดมาเพื่อ "ต้องตาย" เสมอ...

.

ในเรื่องเนื้อสัตว์นั้น พระพทธเจ้าเองก็ทรงฉันเนื้อสัตว์เป็นปกติ
เพียงแต่จะห้ามเนื้อสัตว์อยู่ 10 ชนิดเท่านั้น คือ
1. เนื้อมนุษย์
2. เนื้อช้าง
3. เนื้อม้า
4. เนื้อสุนัข
5. เนื้องู
6. เนื้อราชสีห์
7. เนื้อเสือโคร่ง
8. เนื้อเสือเหลือง
9. เนื้อหมี
10. เนื้อเสือดาว

โดยมีที่มาบันทึกไว้ในพระไตรปิฏก ที่นี่
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๕ - พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๕

ดังนั้น ถ้าผมจะไม่กินเนื้อสัตว์ชนิดใด
ก็คงจะเป็น 10 ชนิดนี้ดังที่พระพุทธเจ้าท่านทรงห้ามไว้เท่านั้น

โดยมิได้มุ่งหมายว่า จะกินหรือไม่กินเพื่อให้เกิดบุญใดๆ
เพราะมันไม่ได้เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด

เพียงแต่เราไม่ได้ฆ่าสัตว์ด้วยเจตนาของเราเอง ก็นับว่าดีแล้วครับ...


Technorati Tags: , , , , , , , ,

วันอาทิตย์, สิงหาคม ๑๒, ๒๕๕๐

เพราะมีสิ่งนั้น สิ่งนั้นจึงมี...

อิทัปปัจยาตา...

เพราะมีสิ่งนั้น สิ่งนั้นจึงมี...

กฎนี้เป็นกฎที่น่าสนใจมาก...
ยกตัวอย่างเช่นคำถามที่ว่า เรามาจากไหน...
ตอบได้ว่า...

เพราะมีอุปาทาน จึงมีชาติภพ...
เพราะมีชาติภพ จึงมีวิญญาณ...
เพราะมีวิญญาณ จึงมีสัตว์มีร่างกาย...
เพราะมีสัตว์มีร่างกาย จึงมีโลกมาให้สัตว์อยู่...
เพราะมีโลก จึงมีจักรวาลมาให้โลกอยู่...
เพระมีจักรวาลนี้อยู่ จึงมีมหาจักรวาลที่บรรจะจักรวาลย่อยๆ นี้อยู่...

ลองคิดตามไปทีละขั้นช้าๆ นะครับ...
มันสวนกับแนวคิดของเราทุกวันนี้ใช่ไหมครับ...

Technorati Tags: , , , , ,

วันพุธ, สิงหาคม ๐๘, ๒๕๕๐

มีคนชั่วอยู่ จริงหรือ?...

2007/04/10 มีคนชั่วอยู่ จริงหรือ?...

ผมได้อ่านเจอบทความหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว

บทความนั้นสะกิดมุมมอง และแนวคิดของผมให้เติบโตขึ้นอีกระดับ

.

ผมเลยจะมาสรุปใจความสำคัญเน้นๆ ให้คุณเลย...

กับข้อถามที่ว่า ถ้ากล่าวถึง ชูชก
ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในมหาเวสสันดรชาดก

แว่บแรก คุณต้องนึกว่าชูขกเป็นคนไม่ดีใช่ไหมครับ

ไหนจะมาขอลูกเมียท้าวเวสสันดรไปเป็นทาส
แถมยังเฆี่ยนตีทำร้ายสารพัด

รูปก็ชั่ว นิสัยก็ไม่ดี...

.

แต่ลองมองอีกมุมสิครับ...

ถ้าไม่มีชูชก... บุรุษโทษผู้อัปลักษณ์

บุรุษโทษมี18ประการ (เปรียบกับลักษณะของชูชก)
1. เท้าทั้ง2ข้างใหญ่เเละคด
2. เล็บทั้งหมดกุด
3. ปลีน่องทู่ยู่ยาน
4. ริมฝีปากบนย้อยทับริมฝีปากล่าง
5.นำลายไหลออกเป็นยางยืดทั้งสองข้างเเก้ม
6. เขี้ยวงอกออกพ้นปากเหมือนเขี้ยวหมู
7. จมูกหักฟุบดูน่าชัง
8. ท้องป่องเป็นกระเปาะดั่งหม้อใหญ่
9. สันหลังไหล่หักค่อมคดโกง
10. ตาถล่มลึก ทรลักษณ์(น่าเกลียด)ข้างหนึ่งใหญ่,ข้างนึงเล็กไม่เสมอกัน
11. หนวดเครามีพรรณ(สี) ดังลวดทองเเดง(เเข็ง)
12. ผมโหลง(น้อย)เหลืองดังสีลาน(ขาวนวล)
13. ตามตัสะครานคลำ ด้วยเเถวเอ็นนูนเกะกะ(ข้อพับล่าง)
14. มีต่อมเเมลงวันตกกระ ดังโรยงา
15. ลูกตาเหลือง,เหล่,เหลือก
16. ร่างกายคด ค้อม ในที่ทั้ง 3 (คอ, หลัง, สะเอว)
17. เท้าทั้ง 2 หันเห ห่างเกะกะ
18. ขนตามตัวหยาบดั่งแปลงหมู

บุรุษโทษมีลักษณะอย่างไร

.

ใครจะมารับกรรมอันหนักหนา
ใครจะมาเป็นผู้ทำให้พระมหาเวสสันดร ได้สร้างมหาทานบารมี

จนมหาทานบารมีของท่านเต็ม และครบทั้ง 10 ทัศน์

และได้เสวยพระชาติเป็นสมณโคดมพุทธเจ้า
อันเป็นชาติอันยิ่ง เป็นชาติสุดท้าย อันจะไม่กลับมาเกิดอีก...

จึงกล่าวได้ว่า ชูชก เป็นปัจจัยสำคัญ
ในการสร้างมหาทานบารมีของพระพุทธเจ้า

ควรแล้วหรือที่เราจะกล่าวร้าย และสาปแช่งชูชก

ถ้ามองในมุมนี้

ชูชก เป็นมหาวายร้าย หรือเป็นผู้มีคุณ(ต่อเรา)กันแน่..

แล้วคนที่อยู่รอบตัวเราล่ะ
เขาเป็นมหาวายร้ายโดยส่วนเดียวหรือเปล่า...

.......

สำหรับผู้ต้องการศึกษาเพิ่มเติม

" ชู ช ก เฆี่ยนตี กั ณ ห า ช า ลี " !!!!! -> กระดาน ปริยัติธรรม | ลานธรรมเสวนา larndham.netอันจะกล่าวโดยละเอียดถึงชูชก
โดยท้าวความตั้งแต่เหตุใด ชูชกจึงมาสร้างกรรมเฆี่ยนตีกัณหาชาลี...

Technorati Tags: , , , , ,

วันเสาร์, สิงหาคม ๐๔, ๒๕๕๐

เลิกอ่านห้องศาสนาของพันทิปเถิด...

ตัวผมเองเลิกอ่านกระทู้ในห้องศาสนาของ pantip.com มานานแล้ว

ด้วยเล็งเห็นว่า ที่แห่งนั้นเป็นที่แห่งชนหมู่มาก
และไม่มีความสามารถในการคัดกรองเนื้อหาที่ดีพอ

ขอยกตัวอย่างกระทู้นี้ให้เห็นกันชัดๆ...
ลองอ่านคร่าวๆ อย่าเพิ่งตั้งใจอ่าน
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5630303/Y5630303.html

อ่านเผินๆเหมือนจะดูดีมีเหตุผลน่าเชื่อถือ

แต่ถ้าคุณศึกษาหลักแห่งศาสนาพุทธมาพอสมควรแล้ว
และมีความยึดมั่นไม่คลอนแคลนในคำสอน
คุณจะรู้ว่า คำกล่าวอ้างในเรื่องบุญในกระทู้นั้น

ไม่ใช่พุทธเถรวาท แต่อย่างใด....

ในความเห็นผม... เหมือนจะเป็นพุทธมหายาน ผสมพราหมณ์มากกว่า....

อย่าลืมว่า บุญที่แท้ในศาสนาพุทธนั้น มีแค่ บุญกิริยาวัตถุ 10
ดังที่ผมเคยยกมาให้อ่านกันมาแล้ว...

เหตุแห่งบุญ 10 ประการ... เก็บเกี่ยวบุญฟรีๆ...

ในกระทู้นั้น ถึงหัวข้อการบุญจะถูกต้อง แต่เหตุผลที่ยกมานั้นยังใช้ไม่ได้
ถ้ายึดถือความเชื่อแบบนั้นไป อาจจะกลายเป็นผู้เสพติดบุญไปได้

จนอาจจะทำให้ละเลยการประกอบบุญอันสำคัญที่สุดนั่นคือ ปฏิบัติ

เพราะสุดท้าย ไม่มีสิ่งใดเป็นหลักประกันอันอุ่นใจ
ให้เราหลุดพ้นจากสังสารวัฏ อันหาที่เริ่มที่จบไม่ได้ อันนี้
ไปได้มากกว่า การปฏิบัติจนเรา "ตื่น" ขึ้นจากอวิชชา ด้วยตัวเราเอง...

ขอให้ทุกท่านมีความเห็นที่ถูก ที่ตรงทางด้วยเทอญ...

tag: , , , , , , , , , , ,

กระจกวิเศษ เดินรอบตัวเรา...

จะขึ้นต้นว่า "กระจกวิเศษ จงบอกข้าเถิด..."

ก็ดูจะขึ้นต้นเป็นสูตรสำเร็จไปนิด...

.

แต่ก็จะพูดเรื่องเกี่ยวกับการสะท้อนภาพตัวเองนี่แหละครับ
แต่ว่าเป็นในเชิงภายใน ไม่ใช่เรื่องของภาพภายนอกนะครับ

ผมมีความเชื่ออยู่ข้อหนึ่งว่า
"ผู้คนทั้งหลาย ล้วนเป็นกระจกสะท้อนตัวตนของเราทั้งสิ้น"
เราทำสิ่งใดกับผู้อื่นอย่างไร เขาก็จะทำสิ่งเดียวกันนั้นกลับมาที่เรา

.

เหมือนที่ผู้ใหญ่เคยสอนกันมาว่า
ถ้าอยากให้คนอื่นทำดีกับเรา เราก็ต้องทำดีกับเขาก่อน

ผมก็สังเกตมานาน จนพอสรุปได้ว่า "มันเป็นจริงดังนั้น"

ด้วยการทดลองของผมเองมาหลายปี

จากพื้นฐานนิสัยของผมที่รักสงบ
ไม่ชอบมีเรื่องทะเลาะ หรือกระทบกระทั่งแรงๆ กับใคร

ผมจึงเลือกที่จะปฏิบัติกับผู้อื่นอย่างนุ่มนวล

ผมเห็นด้วยตัวเองว่า
ผมพูดเพราะกับใคร เขาก็จะพูดเพราะกลับมา
ผมปฏิบัติกับใครอย่างสุภาพ เขาก็จะปฏิบัติต่อผมอย่างสุภาพเช่นกัน

ผมไม่ชอบด่าหรือล้อพ่อแม่ใคร
จนถึงวันนี้ ก็ไม่มีเพื่อนคนไหนล้อชื่อพ่อแม่ผม

ผมไม่ชอบเรียกแทนใครด้วยสรรพนามว่า "มัน" หรือแทนด้วยสัตว์ต่างๆ
ทุกวันนี้ ก็ไม่มีใครมาเรียกแทนชื่อผมว่า "มัน" หรือนำหน้าด้วยสัตว์เลื้อยคลานเลยซักที

ผมไม่ชอบทำร้ายใคร หรือใช้กำลังกับใคร
จนทุกวันนี้ ผมก็ไม่เคยโดนใครต่อยหน้าซักที

หันไปดูเพื่อนหลายคน

เขาหยาบไป ก็ได้รับหยาบตอบ
เขารุนแรงไป ก็ได้รับรุนแรงตอบ
เขาไร้เหตุผลไป ก็ได้รับการไร้เหตุผลตอบ
เขาโกหกไป เขาก็ไม่ได้รับการเชื่อถือตอบ

แนวเดียวกับ "ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมารวมกัน" ล่ะมั๊งครับ
คนดี คนเลว สุดท้ายมันจะไหลมาอยู่ด้วยกันเอง
คนชอบแบบเดียวกัน ก็จะได้มาอยู่ด้วยกัน
คนที่มีความเห็นใกล้เคียงกัน ก็จะโดนดึงดูดให้มาเจอกัน...

.

คนเราเลือกสิ่งที่จะเจอได้เหมือนกันนะครับ

เราอยากอยู่ในสภาพแวดล้อม อยู่กับคนแบบไหน
เราก็ทำตัวเราให้เป็นแบบนั้น ให้เหมาะกับสภาพแบบนั้น

แล้วเรา และสภาพแวดล้องของเรา ก็จะเป็นไปแบบนั้นเอง...

.

ดูง่ายๆ ใน blog ที่ exteen นี่ก็ได้ครับ

ผมเขียนเนื้อหาสุภาพหน่อย มีครับ มีผม
คนที่มาอ่านส่วนใหญ่ก็จะสุภาพ ตอบคอมเม้นต์กันแบบสุภาพเช่นกัน
ซึ่งผมก็ดีใจ ที่มีคนคุณภาพดีๆ มาอ่าน

ไปบาง blog ก็เขียนหยาบคาย ใช้คำอ่านไม่รู้เรื่อง
ก็จะเจอคนมาอ่าน และตอบแบบหยาบคาย และไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

.

.

บางทีถ้าเรารู้สึกว่าคนรอบข้างทำกับเราไม่ดี

บางที อาจจะต้องลองหันกลับมาสำรวจตัวเองเหมือนกันนะครับ
ว่าเราไปกระทำประเด็นไม่ดีอันนั้นกับคนอื่นบ้างหรือเปล่า

เพราะบางทีเราก็ไม่รู้ตัวเอง
ต้องถอยออกมาเยอะๆ แล้วก็มองไปที่ตัวเราเอง

สำรวจให้ดี บางทีก็จะได้คำตอบ
ว่าเรา หรือเขากันแน่ ที่เป็นสาเหตุ

2006/04/17 กระจกวิเศษ เดินรอบตัวเรา...


Technorati Tags: , ,

เหตุแห่งบุญ 10 ประการ... เก็บเกี่ยวบุญฟรีๆ...

วันนี้ขอเสนอเหตุที่ทำให้เกิดบุญ 10 ประการ
หรือเรียกแบบดูมีคลาสว่า "บุญกิริยาวัตถุ 10"

บอกก่อนว่า บทความนี้ อ้างอิงจากที่นี่ล้วนๆ
http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/010076.htm

แต่ถ้าชอบแนวละเอียดยิบ เชิญที่นี่คัรบ จากพระไตรปิฎก
ปุญญกิริยาวัตถุสูตร

.

กล่าวโดยย่อคือ บุญที่เกิดในขอบข่ายของพระพุทธศาสนา
เกิดจาก 3 ทางคือ ทาน ศีล และภาวนา

กล่าวโดยละเอียด แยกเป็น 10 อย่างดังนี้
๑. ทานมัย บุญเกิดจากการให้ทาน
๒. สีลมัย บุญเกิดจากการรักษาศีล
๓. ภาวนามัย บุญเกิดจากการเจริญภาวนา
๔. อปจายนมัย บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
๕. เวยยาวัจจมัย บุญเกิดจากการขวนขวายในกิจที่ชอบ
๖. ปัติทานมัย บุญเกิดจากการให้ส่วนบุญ
๗. ปัตตานุโมทนามัย บุญเกิดจากการอนุโมทนาส่วนบุญ
๘. ธัมมัสสวนมัย บุญเกิดจากการฟังธรรม
๙. ธัมมเทสนามัย บุญเกิดจากการแสดงธรรม
๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรง

การทำบุญในพระพุทธศาสนา มี ๑๐ อย่างนี้เท่านั้น
ไม่ได้มากไปกว่านี้ ถ้านอกไปจากนี้ก็ไม่ใช่บุญในพระพุทธศาสนา

.

ตอนนี้ผมกำลังสนใจในข้อ 7 คือ บุญอันเกิดจากการอนุโมทนาส่วนบุญ

เพราะผมเห็นว่าเป็นบุญที่ได้มาง่ายมากๆ
แทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ก็ได้บุญแล้ว

เวลาเรามีโอกาสได้เห็นการสร้างบุญในพระพุทธศาสนา
เห็นแล้ว ก็อนุโมทนา ในบุญใหญ่นั้น

แค่นึกในใจทำนองว่า "ดีจริงๆหนอ" "ดีแล้วหนอ"
ชื่นชมในบุญที่ผู้อื่นทำแล้วเราได้รับรู้

เราก็มีสิทธิ์มีส่วนได้รับบุญนั้นแล้วครับ
เหมือนเราเอาเทียนไปต่อมาจากกองไฟ

เราก็มีส่วนได้รับความสว่างนั้นมา โดยกองไฟนั้นก็มิได้หรี่แสงลง

นี่แหละครับ เรียกว่าการทำบุญแบบที่ง่ายมากๆ ง่ายที่สุด
แค่นึกในใจ อนุโมทนาบุญไปด้วย

ไม่ต้องลงทุนแม้แต่ยกมือไหว้ท่วมหัวด้วยซ้ำ!!!
เราก็ได้รับบุญแล้ว

.

ถ้าเราได้สัมผัสกระแสบุญ สัมผัสความร่มเย็นในใจทุกวันๆ

ผมว่าน่าจะทำให้เกิดสิ่งดีๆกับชีวิตเราได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ...


-----------------
เรียบเรียงแก้ไขใหม่ วันที่ 4 สิงหาคม 2550
เพื่อให้เนื้อหาเป็นสากลขึ้น...


tag: , , , , , , , , ,